ร้านลูกจันทร์ by เสน่ห์จันทร์ ร้านอาหารไทยอยู่ในโรงแรม Kempinski Hotel อาหารสไตล์ไทยฟิวชั่น เป็นร้านอาหารไทยรสอร่อยที่ไม่ควรพลาด
ใครที่เคยประทับใจในเสน่ห์ของอาหารไทยโบราณที่เต็มไปด้วยรสชาติแบบไทยแท้และความประณีตจาก เสน่ห์จันทน์ ร้านอาหารไทยสไตล์ไฟน์ไดน์นิ่งที่คว้าดาวมิชลิน 1 ดวงมาถึง 2 ปีซ้อน ลองแวะมาที่ ลูกจันทน์ ร้านอาหารไทยร้านใหม่ใน Sindhorn Kempinski Hotel โรงแรมระดับ 5 ดาว ในโครงการ Sindhorn Village ที่เปรียบเสมือนลูกสาวของ ‘เสน่ห์จันทน์’ โดยมาพร้อมเมนูอาหารไทยสไตล์รสมือแม่ และบรรยากาศที่เข้าถึงง่ายยิ่งขึ้น
Spacious Space
สำหรับร้าน ‘ลูกจันทน์’ นั้น ใช้พื้นที่ร่วมกับบริเวณร้าน ‘Flourish’ ร้านอาหารหลักของโรงแรม ทำให้มีพื้นที่กว้างขวาง มีหลากหลายโซนที่นั่ง ไม่ว่าจะโซนที่นั่งด้านใน ที่มีทั้งโต๊ะเล็ก ๆ สำหรับใครที่มาเป็นคู่ และโต๊ะยาวขนาดใหญ่สำหรับใครที่มาเป็นกลุ่ม ยังมีโซนด้านนอกที่สามารถออกไปนั่งทานอาหารพร้อมชมวิวสวนสวยได้ ตัวร้านตกแต่งในสไตล์ Contemporary เน้นใช้สีดำและขาวเป็นหลัก ทำให้ดูหรูหราและคลาสสิก ตามผนังยังประดับด้วยภาพถ่ายต่าง ๆ ที่บอกเล่าเรื่องราวของเมืองไทยในอดีตอีกด้วย
Thai Homey Menus
เมนูอาหารของทางร้านได้ เชฟพิไลพร คำหนัก จากร้านเสน่ห์จันทน์มาดูแลทั้งหมด โดยได้มีการปรับเปลี่ยนเมนูตามคอนเซ็ปต์ของอาหารจากรสมือแม่ ซึ่งแฝงความอบอุ่นเอาไว้ ทั้งยังเลือกใช้วัตถุดิบที่สามารถหาได้ง่ายขึ้น แต่ยังไม่ทิ้งรสชาติสไตล์ไทยแท้และเอกลักษณ์จากเสน่ห์จันทน์ไว้อย่างเต็มเปี่ยม
เริ่มต้นด้วย ยำส้มโอ (280 บาท) เมนูยอดนิยมของทางร้าน ได้รสเปรี้ยวฉ่ำจากเนื้อส้มโอพันธุ์ขาวน้ำผึ้ง คลุกเคล้ากับน้ำยำสูตรโบราณ ที่ประกอบไปด้วยน้ำตาลโตนด น้ำมะขาม เคี่ยวกับพริกเผา หอมแดง จนเหนียวได้ที่ ทานกับกุ้งตัวโตต้มสุก เพิ่มรสสัมผัสกรุบกรอบด้วยกุ้งเสียบและหอมเจียว
ต่อด้วย ทอดมันปลากราย (180 บาท) เมนูที่ดูเหมือนจะธรรมดา แต่เต็มไปด้วยขั้นตอนสุดพิถีพิถัน ไม่ว่าจะเป็นพริกแกงแดงที่ทางร้านทำเอง ไปจนถึงการนวดเนื้อปลาให้ได้เนื้อทอดมันออกมานุ่มเด้ง แต่ไม่เหนียว
หรือจะเป็น ดอกขจรผัดวุ้นเส้นและแหนม (180 บาท) เมนูนี้ทางเชฟตั้งใจนำวัตถุดิบที่คุณแม่หาซื้อได้อย่างดอกขจร มาผัดกับวุ้นเส้น, แหนมทองทอดกรอบ และกุ้งสดตัวโต เพิ่มรสชาติด้วยซอสสูตรพิเศษของทางร้าน ได้รสชาติกลมกล่อม เหมาะทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ
ตามด้วยอีกเมนูที่เหมาะทานคู่กับข้าวสวยอย่าง ปลาช่อนผัดซอสกะปิ (280 บาท) เนื้อปลาช่อนสด ๆ ทอดกรอบ ผัดกับซอสกะปิผสมกับซอสสูตรพิเศษและพริกหยวก
อีกหนึ่งเมนูแนะนำของทางร้าน หมูพะโล้เต้าเจี้ยว (260 บาท) เมนูนี้เป็นสูตรพิเศษของทางร้าน แตกต่างจากไข่พะโล้ทั่วไป เด่นด้วยกลิ่นหอมของเต้าเจี้ยวรสเข้มข้น เคี่ยวกับไข่และเนื้อหมูสามชั้นส่วนท้องกับสันคอ ทานคู่กับพริกขี้หนู
และเมนูที่หาทานยากในกรุงเทพฯ อย่าง แกงมอญคอหมูย่าง (320 บาท) แกงโบราณที่ได้รับอิทธิพลมาจากมอญ ได้รสชาติเผ็ดร้อนจากพริกแกงที่ทางร้านทำเอง ประกอบด้วยตะไคร้ หอมแดง พริกจินดาแห้ง และเน้นที่ขมิ้นป็นหลัก นำส่วนผสมทั้งหมดมาผัดแบบไร้น้ำมันจนได้กลิ่นหอม เติมกะทิและใส่เนื้อคอหมูย่างเนื้อนุ่ม ๆ ลงไป เพิ่มรสเผ็ดร้อนด้วยพริกขี้หนู
ปิดท้ายด้วยขนมไทยโบราณรสชาติหวานเย็นชื่นใจอย่าง ส้มฉุนหิมะ (100 บาท) กรานิต้ารสหวานหอมอมเปรี้ยวนิด ๆ จากส้มซ่า มะกรูด และมะนาว ร่วมด้วยผลไม้อย่างลิ้นจี่, เปลือกมะกรูดเชื่อม, ขิง, มะม่วง และหอมเจียว