ชมเด็กไทย “บิ๊กตู่” ชื่นชม ชนะเลิศสิ่งประดิษฐ์ผงกำจัดพยาธิในอาหาร

 

 

ชมเด็กไทย นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมเด็กนักเรียนเก่งจากโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิจังหวัดยะลา ที่ได้รับรางวัลรางวัลชนะเลิศด้านอาหาร ระดับมัธยมศึกษา

 

จากเวทีประกวดสิ่งประดิษฐ์ระดับเยาวชน Thailand New Gen Inventors Award : I-New Gen Award 2023 กับผลงาน “ผลิตภัณฑ์ผงกำจัดพยาธิในอาหารจากใบข่าอ่อนธรรมชาติ (Boega)” ในวันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2566 ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ของคนที่ชอบอาหารประเภทสุกๆ ดิบๆ ที่อาจพบพยาธิซึ่งเป็นสาเหตุของหลายๆ โรค ที่อาจทำให้เสียชีวิตได้ ผลงานนี้จึงถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยป้องกันสุขภาพของประชาชน ลดอาการเจ็บป่วย รวมถึงลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคด้วย

นางสาวรัชดา กล่าวว่า ใบข่าอ่อนธรรมชาติ มีสรรพคุณในการกำจัดพยาธิ ทางทีมนักประดิษฐ์จึงคิดค้นผลิตภัณฑ์ Boega ขึ้น จากการทดสอบผงใบข่า 5 กรัมต่อน้ำ 100 มิลลิลิตร พบว่าสามารถกำจัดพยาธิได้ดีที่สุดภายในเวลาเฉลี่ย 5.94 นาทีเท่านั้น วิธีการใช้มี

 

ขั้นตอนง่ายๆ คือ นำผง Boega ใส่น้ำในภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นนำอาหารสดมาแช่ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพียงเท่านี้ ก็สามารถนำวัตถุดิบไปประกอบอาหารได้ตามปกติ ปราศจากพยาธิและสารตกค้าง ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้เป็นผลงาน

 

จากโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิยะลา โดยมีทีมนักประดิษฐ์ ประกอบด้วย 1) นางสาวตัสนีม จะปะกิยา 2) นางสาวสูเฟียนี บาโงปะแต 3) นางสาวนุรฟาซีฬา ดือราแม และ 4) นางสาวมีรซา อาแด นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 5 และคณะครูที่ปรึกษา ประกอบด้วย นางสาวสุไวบะ บือราเฮง นางสาวนุรมา สะบือลา นางฮาร์ตีนี มะเซ็ง นางกูยาวาเฮร์ แซแร และ นางสาวซูไมยะห์ สมูซอ

“นายกรัฐมนตรี ชื่นชมความสำเร็จของนักเรียนโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ เพราะเป็นการประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์กับสมุนไพรใกล้ตัว เพื่อตอบโจทย์แก้ปัญหาทางสุขภาพซึ่งสามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่หน้า

 

ชื่นชมอย่างมากและควรได้รับการผลักดันให้เกิดการนำสิ่งประดิษฐ์นี้ไปใช้อย่างกว้างขวางด้วย ทั้งนี้ การส่งเสริมเด็กไทยให้มีความสามารถทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นเป้าหมายสำคัญของรัฐบาลเพื่อให้เยาวชนเติบโตเป็นทุนมนุษย์นำพาประเทศก้าวข้าวกับดักประเทศรายได้ปานกลาง ลดความเหลื่อมล้ำอย่างยั่งยืน”